วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

กิจกรรม




                               Activities       
                  กิจกรรมที่เข้าร่วม  

 กิจกรรมเข้าร่วมการประกวดวาดภาพ หัวข้อ “ผลไม้บ้านเรา” 
 กิจกรรมสร้างสุข สานศิลป์ สร้างสรรค์ภาพวาด กลางสวน 
ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม 2557
 ณ สนามโรงช้างเผือกเทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา 


ที่จริงหนูเคยเข้าประกวดวาดภาพหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ครั้งนี้ประทับใจมาก


ตรงที่ให้พื้นที่อิสระให้เราได้เลือกตามอัธยาศัย หนูและเพื่อนๆจึงรู้สึกถึงความผ่อนคลายมากเลยค่ะ 

 กิจกรรม Sukan Jaya ประจำปี 2558 
ระหว่างวันที่  23-25  สิงหาคม  2558
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


หนูได้เข้าร่วมกีฬาสีเป็นครั้งแรกในโรงเรียนนี้ เพราะหนูเข้าโรงเรียนตอนม.4 
ซึ่งหนูรู้สึกประทับใจมากค่ะ งานกีฬาสียิ่งใหญ่มาก และสนุกมากด้วยค่ะ

 กิจกรรมการแข่งขันการแสดงละครวรรณศิลป์ "อิเหนา 2015" 
วันที่ 15 มกราคม 2559
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


เป็นการแข่งขันครั้งแรกของหนูและเพื่อนร่วมห้อง ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น 
แถมได้รางวัลชมเชยกลับมาด้วย ดีใจมากเลยค่ะ

 กิจกรรมติวฟิสิกส์โอลิมปิก ประจำปีการศึกษา 2559 
ระหว่างวันที่ 19  มกราคม - 19 สิงหาคม 2559
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


เป็นการติวเตรียมพร้อมสำหรับการสอบโอลิมปิกฟิสิกส์ ซึ่งสอนโดยอาจารย์สรชา จาราแว 
หรืออาจารย์โก๊ะ เป็นการติวที่เข้มข้นมากค่ะ เพื่อนๆเก่งกันทั้งนั้น

 กิจกรรมโครงการฝึกอบรมภาษา C (C Programming Language
ระหว่างวันที่ 17-18 กันยายน 2559
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


โดยส่วนตัวไม่รู้เลยค่ะว่า ภาษาซีคืออะไร แต่พอได้มาค่ายนี้ ทำให้หนูได้ทำความเข้าใจในภาษาซีมากยิ่งขึ้น 
ได้เรียนรู้มากยิ่งขึ้น โดยมีพี่ๆจากราชภัฎยะลามาให้ความรู้ด้วย

 กิจกรรมพิธีมอบเกียรติบัตร ประจำปีการศึกษา 2559 
วันที่ 9 มกราคม 2560
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


ทุกๆปีคุณแม่จะมาเข้าร่วมรับเกียรติบัตรนักเรียนดีเด่น 
ปีนี้ก็เช่นกันค่ะ ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย

 กิจกรรมมหกรรมวิชาการสู่ความเป็นเลิศ ครั้งที่่ 
ระหว่างวันที่ 9-10 มกราคม 2560
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


ถือเป็นปีแรกและปีสุดท้ายของหนูเลยค่ะ วันนั้นหนูมีงานหลายงานมาก 
แต่ก็พยายามทำเต็มที่สำหรับทุกงาน สนุกสุดๆเลยค่ะ 

 กิจกรรมชุมนุมจิตรกรน้อย 
วันที่  10  มกราคม  2560
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


เป็นการแสดงผลงานของชมรมในงานมหกรรมวิชาการค่ะ 
พอดีหนูอยู่ชมรมจิตรกรน้อย ก็เลยมีผลงานโชว์ที่ซุ้มจิตรกรน้อยด้วยค่ะ

 กิจกรรม Sukan Jaya ประจำปี 2560 
ระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2560
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


เป็นกีฬาสีปีสุดท้ายของห้องหนู พวกเราอยู่สีส้มค่ะ หนูได้เป็นเลขาของสีด้วย 
หนูทำงานเต็มที่มากๆ สุดท้ายก็ได้รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ก็คือรางวัลกองเชียร์นั่นเอง

 กิจกรรมประกวด Science Show 
วันที่ 22 กันยายน 2560
 ณ  โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ  อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา 


                   เป็นการประกวด Science Show ค่ะ ซึ่งทำให้หนูได้ประสบการณ์ดีๆ 
จากเพื่อน และครูที่ปรึกษา รู้สึกประทับใจตัวเองมาก เพราะเราแข่งได้รางวัลชนะเลิศค่ะ



    วิดิโอสื่อการสอน     

    เรื่องการเปลี่ยนแปลงของภาษา    



   วิดิโอทำกิจกรรม   

     Science Show    









วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

โฆษณา-เย็น เย็น



   โฆษณา   

    >>>เย็น เย็น<<<     

 1.ชนิดของผลิตภัณฑ์ ประเภทเครื่องดื่ม

 2.ลักษณะของผลิตภัณฑ์  น้ำสมุนไพร สูตรจับเลี้ยงผสมชา ตราเย็น เย็น ขนาด 400 มล. 

 3.ส่วนผสม/ส่วนประกอบ

-เก๊กฮวย 38.19%
-น้ำชาเขียว19%
-น้ำเฉาก๊วย 11.98%
-น้ำหล่อฮังก้วย 11.78%
-น้ำรากบัว 5.1%
-ฟรุกโตส 4.68%
-น้ำใบหม่อน 4.06%
-น้ำตาล 3.75%
-น้ำชะเอมเทศ 1.35%
-น้ำดอกคำฝอย 0.0094%
-สารควบคุมความเป็นกรด,ผงชาเขียว, แต่งกลิ่นสังเคราะห์
-มีกาแฟอีน 9.47 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิลิตร

 4.สรรพคุณ

จับเลี้ยง เป็นเครื่องดื่มที่มีมาจากจีน เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่มีส่วนผสมทั้งสมุนไพรไทยและจีน สามารถดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น มีสรรพคุณป้องกันและบรรเทาอาการร้อนใน มีอาการทางเดินระบบอาหาร มีแผลในปาก ปากลิ้นเปื่อย มีฝ้า ขมคอ เจ็บคอ เสียงแหบ คอแห้ง ไอ ตาร้อนผ่าว ซึ่งอาจเกิดมาจากการขาดสภาวะขาดสมดุลอย่างเช่น นอนดึก พักผ่อนไม่พอหรือกินของทำให้ร้อน ของทอด หรือกินน้ำน้อย มีอาการทางเดินระบบอาหาร
       จากต้นตำรับสมุนไพรจีนกว่า 7 ชนิดที่บรรจงคัดสรรนำมาผ่านกรรมวิธีชงแบบโบราณ ที่เป็นสูตรลับเฉพาะให้รสชาติกลมกล่อม หอมเย็น ดื่มทุกวันเพื่อเพิ่มความสดชื่น หรือดับรสเผ็ดร้อนจากอาหารให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นแก้กระหาย จนได้รับการยกย่องจากทุกสารทิศให้ "เครื่องดื่มสู้ร้อน เย็นลึกจากภายใน"


 5.ราคา 15 บาท

 วิดิโอโฆษณาเย็น เย็น





วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560

โครงงานคอมพิวเตอร์-เทียนไข-ตะไคร้หอมไล่ยุง

                                                                    


  แบบเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์  

 1.ชื่อโครงงาน  : เทียนไข-ตะไคร้หอมไล่ยุง

 2.ประเภทของโครงงาน  : โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา

 3.ชื่อผู้จัดทำโครงงาน  : นางสาวนาซีรา  ดาราแม

 4.ชื่อครูที่ปรึกษา  : อาจารย์รุสฮาญา  มูเก็ม

 5.ระยะเวลาดำเนินงาน  : เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน -30 ธันวาคม 2560

 6.แนวคิด ที่มา และความสำคัญ  :

ปัจจุบันถ้าจะกล่าวถึงสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค สัตว์อันดับต้นๆที่คิดคงไม่พ้นยุง เนื่องจากยุงเป็นพาหะนำโรคร้ายต่างๆที่คร่าชีวิตคนเป็นจำนวนมาก ยุงเป็นพาหะนาโรคหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย โรคเท้าช้าง เป็นต้น
จึงมีผู้คิดทำตัวยาเพื่อกำจัด และป้องกันยุงขึ้นมาหลายชนิด เช่น ครีมทากันยุง ยาจุดกันยุง ยาฉีดกันยุง น้ามันไล่ยุง เป็นต้น แต่ยากันยุงเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมากมาย เพราะมีสารที่เป็นอันตรายผสมอยู่ ซึ่งทาให้ผู้ใช้บางคนเกิดอาการแพ้ ซึ่งดิฉันได้พบว่ามีชาวบ้านในท้องถิ่นได้นำใบตะไคร้หอมนำมาทุบแล้วนำมาวางไว้ใกล้ตัว พบว่าสามารถไล่ยุงได้ จากการค้นคว้า ตะไคร้หอมเป็นสมุนไพรที่สามารถไล่ยุงได้ โดยใบตะไคร้หอม จะมีน้ำมันหอมระเหยสกัดสามารถใช้ไล่แมลงได้ เมื่อนำน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้หอม มาทดสอบกับยุงที่เป็นพาหะของโรคมาลาเรีย ไข้เลือดออก และเท้าช้าง พบว่ามีผลป้องกันยุงกัดได้นาน 8-10 ชม.
ดังนั้น ดิฉันจึงมีความคิดที่จะทำการศึกษา ค้นคว้า โดยนำตะไคร้หอมมาใช้ในรูปผลิตภัณฑ์เทียนไข โดยให้มีส่วนผสมของใบตะไคร้และน้ำตะไคร้ซึ่งจะได้เทียนที่มีประสิทธิภาพในการไล่ยุง และหมดปัญหาการแพ้สารเคมีได้

 7.วัตถุประสงค์  :

     1.เพื่อศึกษาลักษณะของตะไคร้
     2.เพื่อศึกษาประโยชน์ของตะไคร้
     3.เพื่อศึกษาโรคที่ยุงเป็นพาหะ
     4.เพื่อศึกษาว่าตะไคร้ไล่ยุงได้จริงหรือไม่

 8.หลักการ และทฤษฎี  :
 ตะไคร้หอม 
      ชื่อสมุนไพร     :   ตะไคร้หอม 
        ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Cymbopogon nardus (Linn.) Rendle,
        ชื่อวงศ์         :  POACEAE (GRAMINEAE)
        ชื่อพ้อง         : Cymbopogon winterianus Jowitt.
        ชื่ออังกฤษ      : Citronella grass
        ชื่อท้องถิ่น      :  จะไคมะขูดตะไคร้มะขูดตะไคร้แดง

 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ 

          พืชล้มลุก มีอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นตั้งตรง ออกเป็นกอ มีกลิ่นหอม ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปยาวแคบ โคนใบแผ่ออกเป็นกาบ  มีลิ้นใบรูปไข่ มีขน อยู่ตรงรอยต่อระหว่างใบกับกาบมีแผ่น ดอกช่อขนาดใหญ่ สีน้ำตาลแดง แทงออกจากกลางต้น ใบประดับลักษณะคล้ายกาบ ดอกช่อเชิงลด แยกเป็นหลายแขนง ออกเป็นคู่ ช่อย่อยมีใบประดับที่โคน 2 ใบ ใบนอกมีหยัก ด้านนอกแบนเขอบแผ่ออกเป็นปีกแคบๆ และขอบด้านบนสาก ใบในรูปเรือ ปลายแหลมมีเส้นตามยาว 1-3 เส้น ขอบมีขน แต่ละดอกย่อยมีใบประดับ 2 แผ่น เรียกกาบบนและกาบล่าง กาบบนรูปขอบขนาน เนื้อบาง ขอบมีขน กาบล่างรูปยาว แคบ มีขนแข็งและปลายแหลม ผลเป็นผลแห้งเมล็ดเดียว ไม่แตก

 ส่วนที่ใช้เป็นยาและสรรพคุณ 

       ทั้งต้นสามารถไล่ยุงและแมลง

 สรรพคุณของตะไคร้ 

-มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อ
-เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ (ต้นตะไคร้)
-มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร
-ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ต้น)
-สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคเมะเร็งลำไส้ใหญ่
-แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ
-ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด)
-ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
-น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้ สามารถบรรเทาอาการปวดได้
-ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ
-ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบสด)
-ใช้เป็นยาแก้อาเจียน หากนำไปใช้ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ (หัวตะไคร้)
-ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นและแก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
-รักษาโรคหอบหืด ด้วยการใช้ต้นตะไคร้
-ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณหน้าอก (ราก)
-ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้องและอาการท้องเสีย (ราก)
-ช่วยแก้และบรรเทาอาการปวดท้อง
-ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ (หัวตะไคร้)
-ช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยอาหาร
-น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
-มีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ
-ช่วยแก้อาการปัสสาวะพิการ และรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
-ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
-ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
-ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
-ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
-ใช้เป็นยารักษาเกลื้อน (หัวตะไคร้)
-น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต่อต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
-ช่วยแก้โรคหนองใน หากนำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ

 ประโยชน์ของตะไคร้ 

-นำมาใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้กระหายได้เป็นอย่างดี
-ช่วยในการบำรุงและรักษาสายตา
-มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
-มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองและเพิ่มสมาธิ
-สามารถนำมาใช้ทำเป็นยานวดได้
-ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
-มีฤทธิ์เป็นยาช่วยในการนอนหลับ
-การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักชนิดอื่นๆช่วยป้องกันแมลงได้เป็นยังดี เพราะนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของสารระงับกลิ่นต่างๆ
-ต้นตะไคร้ช่วยดับกลิ่นคาวหรือกลิ่นคาวของปลาได้เป็นอย่างดี
-กลิ่นหอมของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและกำจัดยุงได้เป็นอย่างดี
-เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จำพวกยากันยุงชนิดต่างๆ เช่น ยากันยุงตะไคร้หอม

 สารสำคัญที่เป็นสารออกฤทธิ์ 

          น้ำมันตะไคร้หอมมีส่วนประกอบที่สำคัญในการออกฤทธิ์ คือ camphor, cineol, eugenol, citral และ linalool, citronellal และgeraniol

   ตะไคร้หอมกับฤทธิ์ในการไล่ยุงและแมลง 

 ฤทธิ์ไล่ยุงและแมลง 

น้ำมันตะไคร้หอม (Citronella oil) ซึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหยสกัดจากต้นตะไคร้หอมสามารถใช้ไล่แมลงได้  สามารถป้องกันยุงลาย ยุงก้นปล่อง และยุงรำคาญกัดได้นานประมาณ 2 ชั่วโมง  ครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้หอมร้อยละ 14 สามารถทาป้องกันยุงรำคาญได้ในอาสาสมัคร 13 คน จากทั้งหมด 20 คน และมีประสิทธิภาพในการป้องกันยุงกัดได้นาน 2 ชั่วโมง ซึ่งใกล้เคียงกับครีมจากสารสังเคราะห์ (dimethyl phthatate ร้อยละ 20 และ diethyl toluamide ร้อยละ 5) ครีมที่มีน้ำมันจากใบตะไคร้หอม ความเข้มข้นร้อยละ 1.252.5 และ 5  มีประสิทธิภาพในการป้องกันยุงก้นปล่องได้นาน 2 ชั่วโมง และที่ความเข้มข้นร้อยละ 10 จะป้องกันได้มากกว่า 4 ชั่วโมง ตำรับครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันข่าร้อยละ 5 น้ำมันตะไคร้หอมร้อยละ 2.5 และวานิลลินร้อยละ 0.5  มีประสิทธิภาพการป้องกันยุงกัดได้นานกว่า 6 ชม.
          น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้หอม สามารถป้องกันยุงที่เป็นพาหะของโรคมาลาเรีย ไข้เลือดออก และเท้าช้างได้นาน 8-10 ชั่วโมง ความเข้มข้นที่ให้ผลป้องกันยุงลายได้ร้อยละ 50 (EC50) และร้อยละ 95 (EC95) เท่ากับร้อยละ 0.031 และ 5.259 ตามลำดับ น้ำมันหอมระเหยความเข้มข้นร้อยละ 1 สามารถป้องกันยุงกัดได้ร้อยละ 75.19   สารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 90 จากตะไคร้หอม และสารสกัดตะไคร้หอมที่ผสมกับน้ำมันมะกอกและน้ำมันหอมระเหยกลิ่นชะมดเช็ด เมื่อนำมาทดสอบกับยุงลายและยุงรำคาญตัวเมีย จะมีประสิทธิภาพในการไล่ยุงได้นานประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีผลในการควบคุมและกำจัดลูกน้ำยุงได้ด้วย
           น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้หอมความเข้มข้นร้อยละ 10 มีฤทธิ์ไล่ตัวอ่อนของเห็บได้นานถึง 8 ชั่วโมง  และสามารถไล่ตัวอ่อนของเห็บพันธุ์ Amblyomma cajennense ได้ด้วยค่า EC50 และ EC90 เท่ากับ 0.089 และ 0.343 มิลลิกรัม/ตารางเซ็นติเมตร และที่ความเข้มข้น 1.1 มิลลิกรัม/ตารางเซ็นติเมตร ไล่ตัวอ่อนของเห็บได้ร้อยละ 90 นาน 35 ชั่วโมง   นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ไล่แมลงที่ทำลายเมล็ดข้าวที่เก็บไว้ โดยไม่มีผลต่อคุณภาพของข้าว   นอกจากนี้ตะไคร้หอมยังมีฤทธิ์ไล่แมลงวัน ผีเสื้อกลางคืน และพวกแมลงบินต่างๆ ได้ด้วย

 ฤทธิ์ฆ่าแมลง 

น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้หอมมีฤทธิ์ฆ่าตัวอ่อนของยุงก้นปล่องและยุงรำคาญได้ โดยระยะเวลาที่ตัวอ่อนตายครึ่งหนึ่งเท่ากับ 1.2 และ น้อยกว่า 0.2 นาที ตามลำดับ และมีฤทธิ์ป้องกันการวางไข่ด้วงถั่ว (Callosobruchus sps)   สามารถฆ่าด้วงถั่ว และแมลงวันได้ 
           สารสกัดตะไคร้หอมที่ความเข้มข้น 100 ส่วนในล้านส่วน (part per million, ppm) จะให้ผลน้อยมากในการควบคุมแมลงศัตรูกะหล่ำ  แต่จะมีผลทำให้ไรแดงกุหลาบตายร้อยละ 95 ภายใน 20.70 ชั่วโมง   นอกจากนี้สารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 10 จากต้นตะไคร้หอมแห้ง 50 กรัม/ลิตร  จะให้ผลดีในการลดปริมาณของหมัดกระโดดซึ่งเป็นแมลงศัตรูคะน้า แต่มีแนวโน้มที่จะทำให้น้ำหนักของคะน้าลดลง  แชมพูที่มีส่วนผสมของสารสกัดตะไคร้หอม สามารถฆ่าเห็บ หมัดในสัตว์เลี้ยงได้  สารสกัดตะไคร้หอมผสมกับสารสกัดจากเมล็ดสะเดา และข่า ในสัดส่วน 10 มิลลิลิตร/น้ำ 1 ลิตร มีผลลดการเข้าทำลายของเพลี้ยอ่อนและหนอนเจาะฝักซึ่งเป็นแมลงศัตรูถั่วฝักยาว แต่ไม่สามารถควบคุมการเข้าทำลายของแมลงวันเจาะต้นถั่วได้  

 ความเป็นพิษทั่วไปและต่อระบบสืบพันธุ์ 

การทดสอบความเป็นพิษ : เมื่อฉีดสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์และน้ำในอัตราส่วน  1:1 จากส่วนของต้นขนาด 1 กรัม/กิโลกรัม เข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์ ไม่พบความเป็นพิษ   

 วิธีการใช้งาน 

การใช้ตะไคร้หอมไล่ยุง ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน)
                   ก.ใช้ต้นตะไคร้หอม ทุบวางไว้ข้างๆ บริเวณที่อยู่
                   ข.ใช้สารสกัดตะไคร้หอมด้วยแอลกอฮอล์ ชุบสำลีวางไว้ใกล้ๆตัว

 เรื่องเกี่ยวกับยุง 
ชนิดของยุงที่มาพร้อมกับโรคต่าง ๆ ได้แก่

             -ยุงก้นปล่อง เป็นพาหะของโรคมาลาเรียและโรคเท้าช้าง

             -ยุงรำคาญ เป็นพาหะของโรคไข้สมองอักเสบและโรคเท้าช้าง

             -ยุงลาย เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก ไข้ชิคุนกุนยา และโรคเท้าช้าง

             -ยุงเสือ เป็นพาหะของโรคเท้าช้าง

       นอกจากนี้ หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ยุงชอบกัดคนบางคนมากกว่าผู้ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ และจากผลการวิจัยพบข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ยุงชอบกัดคนบางประเภทเป็นพิเศษ ดังนี้

             -ยุงชอบกัดคนที่มีเหงื่อออกมาก
             -ยุงชอบกัดคนที่ตัวร้อน (อุณหภูมิบริเวณผิวหนังสูง)
             -ยุงชอบกัดคนที่หายใจแรง เพราะคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมากับลมหายใจเป็นตัวดึงดูดยุง
             -ยุงชอบกัดเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะกลิ่นและลักษณะผิวหนัง
             -ยุงชอบกัดผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะฮอร์โมนแตกต่างกัน
             -ยุงชอบกัดคนที่ใส่เสื้อผ้าสีเข้ม เช่น สีดำ กรมท่า แดง เขียว มากกว่าสีขาว

 อาการหลังจากถูกยุงกัด 

        สำหรับสาเหตุของอาการคัน ดร.อุษาวดี เผยข้อมูลว่า เกิดจากการที่ยุงฉีดน้ำลายลงไปในบริเวณที่เจาะดูดเลือด เพื่อทำให้เลือดเจือจางลง จะได้ดูดเลือดได้ง่าย ซึ่งน้ำลายของยุงส่งผลให้มนุษย์เกิดอาการแพ้ที่แตกต่างกันออกไป บางรายแค่มีอาการคัน ขณะที่บางรายอาจมีอาการแพ้รุนแรง จนเป็นแผลลุกลาม และติดเชื้อได้ง่าย
        นอกจากนี้ในน้ำลายของยุงก็มีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ปะปนอยู่ เช่น เชื้อไวรัสเดงกี เชื้อไวรัสเจอีหรือแม้กระทั่งหนอนพยาธิที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้สมองอักเสบเจอี โรคมาลาเรีย โรคเท้าช้าง ฯลฯ

 วงจรชีวิตของยุง 

มี 4 ระยะคือ ไข่ ลูกน้ำ ตัวโม่ง และตัวเต็มวัย ได้แก่

1.ไข่

ไข่ยุงมีขนาดเล็กมากประมาณ 1 มิลลิเมตรเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไข่ยุงมีลักษณะรูปร่างแตกต่างกันไป ไข่ยุงก้นปล่องมีทุ่นลอยใสๆ ติดอยู่ด้านข้างของไข่ช่วยพยุงให้ไข่ลอยน้ำได้ ไข่ยุงลายไม่มีทุ่นลอยแต่เกาะติดอยู่ตามผนังภาชนะกักเก็บน้ำ เช่น โอ่งน้ำ โดยเกาะติดอยู่ตามขอบเหนือระดับน้ำเล็กน้อย ไข่ยุงรำคาญเรียงตัวเกาะกันเป็นแพอยู่บนผิวน้ำ ไข่ยุงเสือเกาะติดอยู่ตามขอบใต้ใบพืชน้ำบางชนิดที่อยู่ปริ่มน้ำ ยุงวางไข่ครั้งละประมาณ 100 ฟอง ระยะฟักไข่ประมาณ 2 วัน ก็จะออกมาเป็นลูกน้ำ

2.ลูกน้ำ
       แรกเริ่มเมื่อลูกน้ำฟักออกมาจากไข่ มีขนาดเล็กมากเป็นลูกน้ำระยะที่ 1 จากนั้นลูกน้ำจะกินอาหารทำให้เจริญเติบโตขึ้นและลอกคราบเปลี่ยนเป็นลูกน้ำระยะที่ 2 ซึ่งมีขนาดโตขึ้นแต่มีรูปร่างเหมือนเดิม ลูกน้ำจะกินอาหารและเจริญเติบโตขึ้นอีกเป็นลูกน้ำระยะที่ 3 และ 4 ต่อไป การเปลี่ยนระยะแต่ละครั้งจะมีการลอกคราบเสมอ เมื่อลูกน้ำระยะที่ 4 เจริญเต็มที่ก็จะลอกคราบครั้งสุดท้าย เปลี่ยนเป็นระยะตัวโม่ง ซึ่งมีลักษณะรูปร่างแตกต่างไปจากลูกน้ำอย่างมาก ระยะที่เป็นลูกน้ำใช้เวลาประมาณ 6 วัน ลูกน้ำยุงก็มีรูปร่างลักษณะรวมทั้งการเกาะที่ผิวน้ำและนิสัยการกินอาหารแตกต่างกันไป เช่น ลูกน้ำยุงก้นปล่องไม่มีท่อหายใจมีแต่เพียงรูหายใจ จึงลอยตัวขนานกับผิวน้ำและหาอาหารที่ผิวน้ำ ลูกน้ำยุงลายมีท่อหายใจสั้น เกาะที่ผิวน้ำโดยห้อยหัวอยู่ใต้น้ำและหาอาหารที่ก้นภาชนะกักเก็บน้ำ ลูกน้ำยุงรำคาญมีท่อหายใจยาว เกาะที่ผิวน้ำโดยห้อยหัวอยู่ใต้น้ำเช่นกันแต่หาอาหารที่แขวนลอยอยู่ในน้ำ



3.ตัวโม่ง
       มีลักษณะรูปร่างที่เด่นชัดคือหัวโต ตามปกติจะลอยตัวนิ่งๆ ที่ผิวน้ำ แต่ถ้าถูกรบกวนจะเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไว ระยะตัวโม่งนี้จะหยุดกินอาหารและเป็นระยะสุดท้ายที่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำ ระยะตัวโม่งใช้เวลาประมาณ 2 วัน เพื่อให้ตัวอ่อนที่อยู่ภายในเจริญเติบโตเต็มที่ก่อนที่จะลอกคราบออกมาเป็นตัวยุงตัวเต็มวัย

ระยะเวลาเริ่มจากยุงวางไข่จนกระทั่งเจริญจนถึงยุงตัวเต็มวัย ในประเทศเขตร้อยชื้นอย่างเช่นประเทศไทยนั้นใช้เวลาประมาณ 10 วันเท่านั้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดยุงด้วย

4.ตัวเต็มวัย
        เมื่อตัวโม่งเจริญเต็มที่จะลอยนิ่งๆ อยู่กับที่ จากนั้นเปลือกหุ้มบริเวณส่วนหัวของตัวโม่งเริ่มปริออก ตัวยุงที่อยู่ภายในจะค่อยๆ ดันออกมา ขณะที่ตัวยุงโผล่พ้นเปลือกตัวโม่งเกือบหมดเหลือเฉพาะส่วนขา ก็จะเริ่มคลี่ปีกออก เมื่อปลายขาหลุดออกมาหมดแล้วก็จะเกาะอยู่บนผิวน้ำหรือบริเวณใกล้เคียงประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ปีกแข็งแรงพอที่จะบินได้ ตามปกติแล้วยุงตัวผู้ออกมาก่อนยุงตัวเมียและอาศัยบริเวณแหล่งเพาะพันธุ์ตลอดชีวิต กินอาหารพวกน้ำหวานจากพืชโดยไม่กินเลือด ยุงตัวผู้มีอายุสั้นกว่าตัวเมีย ส่วนยุงตัวเมียเมื่อออกมาจากตัวโม่งจะกินอาหารพวกน้ำหวานจากพืชก่อน เพื่อให้มีพลังงาน จากนั้นก็ผสมพันธุ์โดยยุงตัวเมียผสมพันธุ์ครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิตก็สามารถออกไขได้ตลอดไป เมื่อยุงตัวเมียได้รับการผสมพันธุ์แล้วก็จะหาอาหารเลือดซึ่งมีโปรตีนและธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของไข่ โดยทั่วไปถ้ายุงตัวเมียไม่ได้กินเลือด ไข่ก็ไม่เจริญจึงไม่สามารถวางไข่ต่อไปได้ ยุงแต่ละชนิดชอบกินเลือดเหยื่อแตกต่างกันไป ยุงบางชนิดชอบกินเลือดคน เช่น ยุงลาย ยุงบางชนิดชอบกินเลือดสัตว์ เช่น ยุงรำคาญ ยุงบางชนิดชอบกินทั้งเลือดคนและเลือดสัตว์
เมื่อยุงได้กินเลือดเต็มที่แล้ว ก็จะไปหาบริเวณที่เหมาะสม เกาะพักนิ่งๆ เพื่อรอเวลาให้ไข่เจริญเติบโต เช่น ตามที่อับชื้น เย็นสบายลมสงบและแสงสว่างไม่มาก ยุงบางชนิดชอบเกาะพักภายในบ้านตามมุมมืดที่อับชื้น ยุงบางชนิดชอบเกาะพักนอกบ้านตามสุ่มทุมพุ่มไม้ที่ชุ่มชื้น ในสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา ยุงจะใช้เวลาเพียง 2-3 วัน ไข่ก็สุกเต็มที่พร้อมที่จะวางไข่ได้ ยุงแต่ละชนิดเลือกแหล่งน้ำสำหรับวางไข่ไม่เหมือนกัน บางชนิดชอบน้ำใส นิ่ง เช่น ยุงลาย บางชนิดชอบน้ำโสโครกตามท่อระบายน้ำ เช่น ยุงรำคาญ ยุงบางชนิดชอบวางไข่ตามแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เช่น ยุงก้นปล่อง ยุงวางไข่ครั้งละประมาณ 100 ฟอง เมื่อยุงวางไข่แล้วก็จะบินไปหากินเลือดอีกสำหรับไข่ในรุ่นต่อไปวนเวียนอยู่เช่นนี้จนกระทั่งยุงแก่ตาย ยุงตัวเมียโดยเฉลี่ยมีอายุประมาณ 1 เดือน ส่วนยุงตัวผู้มีอายุสั้นกว่ายุงตัวเมีย โดยเฉลี่ยมีอายุประมาณ 1 สัปดาห์

 โรคที่ยุงเป็นพาหะ 

1. โรคมาลาเรีย
       แหล่งแพร่โรคอยู่ในท้องที่ป่าเขา โดยเฉพาะตามแนวชายแดนติดต่อกับประเทศพม่าและกัมพูชา เชื้อโรคมาลาเรียคือ โปรโตซัว ซึ่งเป็สสัตว์เซลล์เดียวมีขนาดเล็กมากมีชื่อเรียกว่าพลาสโมเดี่ยม ซึ่งมีอยู่ 4 ชนิดด้วยกัน แต่ที่มีอันตรายร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตคือ พลาสโมเดี่ยม ฟาลซิฟารั่ม

2. โรคไข้เลือดออก
       แหล่งแพร่โรงอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในเขตเมืองและชนบททุกจังหวัดทั่วประเทศ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็ก เชื้อโรคไข้เลือดออกคือไวรัสที่มีชื่อว่า เดงกี่ไวรัส ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมักเสียชีวิตเนื่องจากเกิดการช็อค

3. โรคเท้าช้าง
      แหล่งแพร่โรคอยู่ในท้องที่ชนบทเฉพาะทางภาคใต้และภาคตะวันตกของประเทศ เชื้อโรคเท้าช้างคือพยาธิตัวกลมขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายเส้นด้ายอาศัยอยู่ในกระแสโลหิตของผู้ป่วย โรคนี้ทำให้เกิดแขน เท้า ลูกอัณฑะบวมโต เกิดความพิการตามมาแต่โรคไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากผู้ป่วยในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีเท้าบวมใหญ่คล้ายเท้าของช้าง จึงเรียกโรคนี้ว่าโรคเท้าช้าง

4. โรคไข้สมองอักเสบ                                                                       
      แหล่งแพร่โรคอยู่ในท้องที่ชนบทโดยเฉพาะทางภาคเหนือบริเวณที่มีการเลี้ยงสุกรมาก โรคนี้ตามปกติเป็นโรคติดต่อในสัตว์ด้วยกันเองเท่านั้น การที่โรคติดต่อมาถึงคนได้นั้นนับเป็นการบังเอิญที่คนไปถูกยุงที่มีเชื้อโรคกัด เชื้อโรคไข้สมองอักเสบคือไวรัสที่มีชื่อว่า แจแปนิส เอนเซบ ฟาไลติส ไวรัส ถึงแม้จำนวนผู้ป่วยโรคนี้มีไม่มาก แต่โรคนี้ทำให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้โดยง่ายหรือทำให้เกิดความพิการทางสมองตามมาได้
      จากการศึกษาค้นคว้าเรื่องตะไคร้หอมไล่ยุง   ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า น้ำมันตะไคร้หอมมีส่วนประกอบของสาร คือ camphor, cineol, eugenol, citral และlinalool, citronellal และgeraniol  ซึ่งเป็นสาระสำคัญมีฤทธิ์ในการไล่ยุงและแมลง  ดังนั้นสารในน้ำมันหอมระเหยจากต้นตะไคร้หอมสามารถไล่ยุงได้จริง

 9.ขั้นตอนการปฏิบัติงาน  :


วัน-เดือน-ปี
กิจกรรม
ผู้รับผิดชอบ
4/11/60
จัดการระบบ Gmail ของตัวเอง
นางสาวนาซีรา   ดาราแม
11/12/60
เริ่มสร้าง Web Blog : www.blogger.com
นางสาวนาซีรา   ดาราแม
18/11/60
หาหัวข้อโครงงานตามตัวอย่างจากเว็บไซต์ต่างๆ
นางสาวนาซีรา   ดาราแม
25/11/60
เพิ่มเติมเนื้อหาในโครงงานบนเว็บบล็อก
นางสาวนาซีรา   ดาราแม
2/12/60
หาข้อมูลเพิ่มเติม+เพิ่มเติมเนื้อหาในโครงงานเว็บบล็อก
นางสาวนาซีรา   ดาราแม
9/12/60
เรียบเรียงข้อมูล จัดลำดับเนื้อหา
นางสาวนาซีรา   ดาราแม
16/12/60
ตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา
พร้อมแก้ไขให้เรียบร้อย
นางสาวนาซีรา   ดาราแม
23/12/60
เนื้อหาในโครงงานเสร็จสมบูรณ์-พร้อมเผยแพร่
นางสาวนาซีรา   ดาราแม
30/12/60
เผยแพร่-ส่งงาน-ตรวจงาน
นางสาวนาซีรา   ดาราแม


 10.ผลที่คาดว่าจะได้รับ  :

      1.ตะไคร้หอมสามารถไล่ยุงได้จริง
      2.สามารถนำข้อมูลไปปฏิบัติได้จริง
      3.รู้จักนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
      4.เป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจ

 11.เอกสารอ้างอิง  : http://surinbiw.blogspot.com/2014/11/is.html
                https://www.youtube.com/watch?v=pc1ik9duPPA&feature=youtu.be

 12.ภาคผนวก (ภาพและกิจกรรมต่างๆ)  :

 อุปกรณ์การทำ 

1.ภาชนะใส่น้ำ

2.ขวดใส่น้ำตะไคร้


3.ตะไคร้

4.เขียง
5.มีด

6.ครก


7.ตะแกรงกรองน้ำ



 ขั้นตอนการทำเทียนไข

1.นำตะไคร้ไปต้ม



2.ละลายเทียนไข แล้วใส่สีที่ชอบลงไป (สีเทียน หรือ สีช็อก ก็ได้)



3.เทน้ำตะไคร้หอม หลังจากที่ปิดแก๊ส 




4.เทเทียนไขตะไคร้หอมลงแม่พิมพ์




วิดีโออธิบาย และสาธิตการทำเทียนไข-ตะไคร้หอมไล่ยุง